“ทุงสะเทวี”คือใคร???

“ทุงสะเทวี”คือใคร ??

ตำนาน “นางสงกรานต์”

ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ท้าวกบิลพรหม (หรือท้าวมหาพรหม) ผู้สถิตอยู่บนพรหมโลกชั้นที่ 3 มีหน้าที่สอดส่องดูแลมวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เห็นว่าบนโลกมนุษย์มีเด็กน้อยธรรมบาลกุมาร เป็นผู้มีความรู้มาก จึงอยากจะลองภูมิ

พระองค์เสด็จลงมายังโลกมนุษย์เพื่อถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ได้แก่ ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน? ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน? และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน?

โดยมีข้อแม้ว่า หากธรรมบาลกุมารตอบได้ถูก ท้าวกบิลพรหมก็จะตัดเศียรของตนเอง เพื่อบูชาธรรมบาลกุมาร แต่ถ้าธรรมบาลกุมารตอบไม่ได้ ท้าวกบิลพรหมจะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย เมื่อธรรมบาลกุมารได้ยินปริศนานั้น ก็ขอเวลาไปหาคำตอบ 7 วัน

ผ่านไป 6 วัน ธรรมบาลกุมารก็ไม่สามารถขบคิดหาคำตอบของปริศนานั้นได้ ขณะที่พยายามคิดอยู่ใต้ต้นไม้ บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ ธรรมบาลกุมารได้ยินนกผัวเมียคุยกัน ถึงเรื่องที่ท้าวกบิลพรหมเสด็จมาถามปริศนากับตน โดยนกสามีได้เผลอบอกคำตอบของปริศนานั้นออกมาว่า…

“ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุกๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก(หรืออาบน้ำ) ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน”

เมื่อเด็กน้อยธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบคำตอบดังนั้นแล้ว วันรุ่งขึ้นเขาจึงนำคำตอบนี้ไปบอกท้าวกบิลพรหม พอพระองค์ทราบดังนั้นก็ตกใจที่เด็กน้อยสามารถตอบได้ถูก จึงต้องรักษาสัจจะด้วยการตัดเศียรตนเองเพื่อบูชาธรรมบาลกุมาร

“นางสงกรานต์ ทั้ง 7 องค์”

ก่อนจะตาย ท้าวกบิลพรหมได้เรียกธิดาทั้ง 7 องค์ ได้แก่ นางทุงสะเทวี, นางโคราคเทวี, นางรากษสเทวี, นางมัณฑาเทวี, นางกิริณีเทวี, นางกิมิทาเทวี, นางมโหทรเทวี ออกมาบอกกล่าวว่า เมื่อตัดเศียรตนเองแล้ว อย่าปล่อยให้เศียรหล่นลงพื้นแผ่นดินเด็ดขาด เพราะจะทำให้ไฟก็จะไหม้โลก อย่าโยนขึ้นไปบนอากาศ เพราะจะทำให้ฝนแล้ง และหากนำเศียรไปทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้งเหือดไปหมด มีวิธีเดียว คือ ธิดาต้องนำพานมารองรับเศียรของพระองค์

นางทุงสะเทวี ผู้เป็นธิดาองค์โต เป็นคนแรกที่นำพานมารองรับเศียรของท้าวกบิลพรหม จากนั้นนางทุงสะเทวีก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ

จากนั้นมาทุกๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ แต่ละนางเป็นตัวแทนของวันต่างๆ ใน 1 สัปดาห์

“นางสงกรานต์” ปี 62 “ทุงสะเทวี”

มีข้อมูลจาก ฝ่ายโหรพราหมณ์ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ได้ออกประกาศสงกรานต์ปี 2562 ว่า “นางสงกรานต์” ประจำปีกุน หรือปี 2562 มีนามว่า “ทุงสะเทวี” เป็นมนุษย์ผู้หญิง ธาตุน้ำ เป็น “นางสงกรานต์” ประจำวันอาทิตย์ ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้ว-ปัทมราค ภักษาหารอุทุมพร พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จนั่งมาเหนือหลังครุฑเป็นพาหนะ

คำทำนาย “สงกรานต์” 2562

นอกจากนี้ ฝ่ายโหรพราหมณ์ ยังมีคำทำนายเกี่ยวกับวันสงกรานต์ของประเทศไทยในปีนี้ว่า เอกศก จุลศักราช 1381 ทางจันทรคติเป็นปกติมาสวาร ทางสุริยคติเป็นปกติสุรทิน

วันที่ 14 เม.ย. เป็นวันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 5 เวลา 15 นาฬิกา 03 นาที 03 วินาที

วันที่ 16 เม.ย. เวลา 19.12 น. เปลี่ยนจุลศักราชใหม่เป็น 1381 ปีนี้วันจันทร์ เป็นธงชัย, วันเสาร์ เป็นอธิบดี, วันอาทิตย์ เป็นอุบาทว์, วันจันทร์ เป็นโลกาวินาศ, วันพฤหัสบดี เป็นอธิบดีฝน

ปีนี้ บันดาลให้ฝนตก 500 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า ตกในมหาสมุทร 100 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 150 ห่า ตกในเขาจักรวาล 200 ห่า นาคให้น้ำ 3 ตัว เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ 2 ชื่อ วิบัติ ข้าวกล้าในภูมินาจะเกิดกิมิชาติ (ด้วงกับแมลง) จะได้ผลกึ่งเสียกึ่งเกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีปถวี (ดิน) น้ำงามพอดี.

อ่านเพิ่มเติม :

– “แฟชั่น” ชุดไทยรับ “สงกรานต์ 62” สไตล์ “ชมพู่-ดิว-คริส-พิมพ์”

– พิธีสำคัญวัน “สงกรานต์” ทำไมต้อง “รดน้ำดำหัว” ผู้ใหญ่

– รวมที่เที่ยว “สงกรานต์ 62” จัดยิ่งใหญ่ทั่วกรุง!

ที่มา : th.wikipediaaksorn_q